วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ผลไม้กะตัวเลข


ประมาณเดือนเมษายน 2544 ได้รับ FW mail มาก หลายครั้ง..เป็นความหวังดีของผู้ที่รักเรา..ตัวเราก็อยากหวังดีต่อ..โดยนำมาเขียนลงในบันทึก...นั่งค้นๆๆๆๆ..ยังไม่เจอที่เป็นหลักฐานยืนยันมั่นคง.ว่าเลขที่ว่ามีที่มาอย่างไร ? หน่วยงานไหนกำหนด ? เป็นสากลรึเปล่า ? รู้มาว่า อย.ของไทยนี่ละกำหนด แต่ไม่ยืนยัน...จะไม่บันทึก..ก็จะเลือนหายไปจากสมอง..
เป็นเรื่องเกี่ยวกับผลไม้..แต่ก็แปลกนะเห็นประจำที่แอปเปิ้ล..เขาว่า...ตัวเลขที่แปะไว้บนแอปเปิ้ลโดยทั่วไปที่เห็นมีตัวเลข สี่หลัก..
ขึ้นต้นด้วยเลข 4 อีกต่างหาก เช่น 4142 อย่างนี้บอกให้เราทราบว่า ปลูกตามธรรมดาทั่วไปใช้ปุ๋ยตามปกตินิยม
ถ้าเป็นเลข ห้าหลัก ขึ้นต้นด้วยเลข 9 เช่น 99376 อย่างนี้แสดงว่าวิธีการปลูกเป็นแบบปลอดสารเคมี..เอาเป็นว่าแพงแน่ๆ....พวกผลไม้ออร์แกนิค... แต่ถ้าเลข ห้าหลัก ขึ้นต้นด้วยเลข 8 เช่น 84424 อะไรอย่างนี้..ราคาถูกหน่อย..เพราะเป็นผลไม้ตัดต่อพันธุกรรม..หรือที่เรียกว่า GMO ดังนั้นใครที่แพ้อะไรๆง่ายๆ..เลือกแบบห้าหลักที่ขึ้นต้นด้วยเลข 9 มีนักวิชาการเกษตรออกมาให้ข่าวแล้วว่าผลไม้อะไรก็กินได้..เพราะที่เขาดัดแปลงพันธุกรรม..เขามุ่งป้องกันโรคและแมลง..ไม่ใช่คน..เลือกตามสบาย..ตามใจชอบนะคะ

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ตุ้มต๊ะ..ตุ้มตุ้ย


น่ารัก..จริงๆนา..ถ้าเป็นเด็ก..แต่..คงกินเก่งน่าดู..ตอนนี้รัฐบาลยังไม่มา..แต่ราคาข้าว..ข้าวของเครื่องใช้..มีขาเป็นกิ้งกือเลย..วิ่งเร็วมาก.
ใครๆก้อไม่อยากอ้วนหรอก...กลางคืนอย่ากินมาก...ตอนเย็นก้อกินแต่พอดี...เช้ากะกลางวันกินให้เต็มที่เลย..แต่ระวังง่วงในชั่วโมงบ่ายๆ.
ถ้าตุ้ยนุ้ยแล้วทำไงดีล่ะ..เอางี้เลย เดินเร็ว...หรือเดินช้าๆแต่ระยะทางไกลขึ้น...หรือฝนตก แดดแรง..อยู่บ้านน่ะแหละยกแขนยกขา แกว่ง
ไปแกว่งมา...ทั้งสามรายการเลือกแค่รายการเดียวแต่ควร 30 นาที หรือให้เหงื่อออก คือแปลว่าพอเหนื่อยน่ะ ถ้าอ้วนอย่าเต้นแรงๆ เพราะจะไปทำให้กระดูกงอกตามข้อต่อต่างๆ เดี๋ยวงานเข้าต้องหาหมออีก แต่สาวๆสมัยนี้..คงไม่อ้วนหรอก รักสวยรักงามกันทั้งนั้น

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ซ่อมได้...ท้องหนูค่ะ


ท้องหนูเสียค่ะ..เพิ่งเป็นหลังกินตำมั่ว...อร่อยสุด..มั่วจริงๆ..มีอะไรในครัวเป็นได้..ขอให้เผ็ดๆ..เปรี้ยวๆ..เค็มๆ..ทำอย่างไรจะซ่อมได้..แบบพี่เบิร์ด..เติมน้ำเกลือ..ไม่เอาค่ะหนูกลัวเข็มฉีดยา..หมดแรงแล้วนะคะ..เพื่อนกลัวขาดเกลือแร่..รีบคั้นน้ำผลไม้ให้เลย..จะได้รับน้ำตาลฟรุกโตส เกลือแร่..ผลปรากฏว่า..ยังหมดแรง..แถมถ่ายมากขึ้น..ง่วงนอนอีกด้วย..ต้องหาหมอละ..หมอแนะนำว่า..ง่ายที่สุด..ให้ทำน้ำเกลือชาวบ้านดื่ม..น้ำต้มสุก 1 ขวดละลายเกลือป่นสัก 2 ช้อนชา แล้วดื่มเข้า..ที่ห้ามน่ะ..น้ำผลไม้ ผลไม้ ผัก..3 อย่างนี้ห้ามนะจ๊ะ..ที่ควรกินอีก..ก็ข้าวต้ม น้ำข้าวต้ม นี่เป็นพวกท้องเสียเฉียบพลันนะ...ส่วนพวกท้องเสียเรื้อรังน่ะ..ชนิดมั่วๆๆน่ะ..ห้ามใส่ปาก แล้วยังห้าม กระทิ นมสด น้ำชา กาแฟ อีกด้วยนะ..ใครเป็นแบบไหน..ก็ซ่อมแบบนั้นนะ..ท้องจะได้ปกติดังเดิม

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ฮ๊าด..เช้ย


อะไรกันนี่..ฮ้าด..เช้ย ฮ๊าดเช๊ย..อากาศเปลี่ยนแปลงจังเลย..เตรียมตัวแล้ว..ออกกำลังกายแล้ว..ยังแพ้สิ่งมึชีวิตตัวเล็กๆๆๆ..ที่สำคัญ..
มองไม่เห็นนี่สิ..ถ้าเห็นก็หลีกเลี่ยงได้..ไม่เอา..เราไม่กินยา..ได้เลย..เลือกเอาชนิดใดชนิดหนึ่ง..หรือทั้งหมดก็ได้
๑. โยเกิร์ต ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาว
๒. กระเทียม มีสารอัลลิซิน ช่วยฆ่า...ใครจะกินสดๆ ก็ได้ แต่ห้ามตอนท้องว่างๆ..ในส้มตำน่ะดี
๓. ชาดำ แต่ 5 แก้ว/วัน มีสารช่วยสร้างโปรตีนต้านไวรัส
๔. เห็ด กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ที่นิยมคือ เห็ด 3 อย่าง เอาไปทำอะไรก้อได้ ..แต่..ห้ามผัดน้ำมัน
๕. ปลา มีโอเมก้า 3 และ ซีลีเนียม ช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้ทำงาน
งั้นวันนี้..กินยำเห็ดใส่ปลา..ของหวานเป็นโยเกิร์ต...ล้างปากด้วยชาดำ..กันนะ..จะได้ไม่เป็น..หวัด

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อยากเรียน..เก่ง..


อยากเรียนเก่งต้องมีวิธีเพิ่ม IQ (ไอคิว) เอาแบบง่ายๆๆ..ที่ทำตามได้สะดวก..แต่ทุกอย่างต้องเป็นทางสายกลาง..ไม่มาก..ไม่น้อย..
๑. ฟังดนตรีที่โปรด..จะแนวไหนก็ได้
๒. นั่งให้สบาย..ตัวตรง..หลังไม่ค่อม..เลือดจะได้ไปเลี้ยงสมองได้สะดวก
๓. กินช็อคโกแลต..ในรูปแบบที่ชอบอีกน่ะแหละ..จะให้ดีต้องเป็น..แบบชงร้อนๆ..สักแก้ว
๔. กินอาหารที่มี B 12 และโคลีน อีกทั้งมีธาตุเหล็ก..
๕. หลับ...หลับให้สนิท..ในที่นอนที่โปรดของตนเอง..คนเดียว..การหลับสนิท..สมองจะทำการรวบรวมเรียบเรียงเรื่องราวที่ได้รับมา
ในตอนกลางวัน..ให้เข้าระบบ..เหมือนเราจัดแฟ้มเอกสาร...
ง่ายๆ..แค่นี้เอง..

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โลก..ร้อน...ร้อน


เกิดอะไรขึ้นกับเมืองไทยนะนี่..วันหนึ่งมีสามฤดู...ในเดือนเมษายน พ.ศ.2554 ต้องค้นหาเสื้อกันหนาวมาสวมใส่..หนาวชนิดที่หนาวกว่าหน้าหนาวธรรมดา..ไม่ใช่จากความรู้สึก..แต่เทอร์มอมิเตอร์ยืนยัน..มีน้ำท่วมในฤดูร้อนที่ภาคใต้..ท่วมชนิดเกิดแผ่นดินสไลด์..แผ่นดินถล่มภูเขาทะลาย..วันนี้ 15มิถุนายน 2554 ภูเขาไฟที่ชิลียังไม่หยุดพ่นเถ้าถ่าน..ที่มีการพัดไปได้ไกลเป็นหมื่นกิโลเมตร..เราตัวเล็กๆๆๆๆ..จะช่วยชลอความหายนะเหล่านี้ได้อย่างไร..นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายฟันธงว่ามาจาก..โลกร้อนขึ้น...เราช่วยได้นะ..ถ้าทุกคนช่วยกันจากที่ว่าแค่นิดเดียว..หลายๆนิด..ก้อมากนะ..น้ำหยดติ๋งๆๆ..ยังเต็มตุ่มเลย..เอาง่ายๆ..ที่ทำได้..ปลูกต้นไม้..ในกระถางก้อยังดี..กินอาหารให้หมดจาน..กินน้อยตักน้อย..กระดาษใช้ให้ได้สามหน้า..หมายถึงใช้จดๆๆวาดๆๆครบสองหน้าแล้ว..ก้อใช้ทำอย่างอื่นต่อไป..อย่าทิ้ง..ไปไหน..
ถ้าเดินได้..ก้อเดิน..หรือ..ขี่รถถีบ..คือลดการใช้น้ำมันน่ะ..และปิดสวิทซ์ไฟดวงที่ไม่ได้ใช้..แค่นี้แน่ใจเลย..ทุกคนทำได้..โลกเป็นของเรานะ

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สดชื่น..ร่าเริง


เปิดเทอม..ได้พักเดียว..โอดกันจัง..เครียด..ปวดหัว..ไปทัวร์ดีกว่า..ไปเที่ยวน่ะค่อยยังชั่ว..บางคนไปทัวร์น่ะ..ไม่รู้ไปทำอะไร..เอางี้..แบบง่ายๆๆๆ..กิน..กิน..อย่างง่ายที่สุด..เป็นกับข้าวก้อ..ไข่ผัดมะเขือเทศ..ไม่ชอบเหรอ..บล็อคโคลี่ผัดไข่..เอ้าสุกี้..ก้อมีไข่..จะกินเป็นของกินเล่น..เหรอ..กล้วย ส้ม ถั่วคั่ว..หมูย่างแต่ไม่มีมันนะ..ของพวกนี้..ช่วยให้เราหายเครียดเพราะมีสารที่ร่างกายต้องการเพื่อเสริมสร้างในระบบประสาท..จริงๆ..เขาว่าต้องใช้พวกนี้จ้ะ..วิตามินบี..ซี..อี..เค..และแร่ธาตุบางตัวคือ มักเนเซียม สังกะสี.. บล็อกโคลี่น่ะให้เป็นตัวแทนผักใบเขียวน่ะ..คนที่อ่านสุขศึกษา..เห็นรายชื่อแร่ธาตุกะวิตามินแล้ว..ก้อไปค้นดูว่าอยู่ในผักผลไม้อะไร..แล้วลองเปลี่ยนเมนูอาหารให้เจ๋ง..อร่อย..และหายเครียดได้ด้วย..ถ้ามีเมนูใหม่ๆ..ก้อแนะนำกันบ้างนะ..จะได้สดชื่นร่าเริงกันทุกคน..ไม่ปวดหัว..

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระราชดำรัส


"ถ้าเราไม่ปิดทองหลังพระ...พระจะสวยครบองค์..ได้อย่างไร...?"

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

วัดโสธรวราราม


วัดโสธรวรารามวรวิหาร..ช่วงกลางคืน..เมื่อวันที่มีการแสดงโขน..ถ่ายจากเวทีแสดงโขน..ดูดี..แปลกกว่าตอนกลางวันที่มีคนพลุกพล่าน..ตลอดเวลา..เหมือนกันมีงานประจำปี..กลางคืนสงบ..เย็นใจ

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

หนุมาน


เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2554 ได้ดูโขน..ฟรี..ที่ริมน้ำ..หน้าโบสถ์วัดหลวงพ่อโสธร..สองชั่วโมงนั่งดูแบบไม่ลุกไปไหนเลย..ดูแบบปรบมือด้วย..หัวเราะด้วย..ทึ่งด้วย..อะไรคนแสดงแต่ละคนจะอดทนได้ปานนั้น..สุขภาพแข็งแรงปานนั้น..คนพากย์ก็เช่นกัน..คนตีพิณพาทย์ลาดตะโพนนั่นด้วย..ทุกอย่างประกอบกันแล้วอลังการมากๆๆๆๆ...แสดงเรื่องหนุมาณชาญสมร..ตัวเด่นก็ต้องเป็นหนุมาณ..ต้องใช้คนแสดงเป็นหนุมาณตั้ง..สาม..คน..ภาพนี้เป็นหนุมาณที่เพิ่งเกิด..แม่สวาหะ..ยืนอยู่ใต้ต้นไม้บนก้อนหิน..ส่วนพ่อ..พระพาย..ฉวัดเฉวียนอยู่..แล้วไปอยู่ที่ก้อนหินอีกก้อน..ด้วยความที่มาไม่ทันว่าแสดงเรื่องอะไร..รู้แต่โขน..เลยลืมดูว่านางสวาหะยืนตีนเดียวหรือเปล่า...ขนาดหนุมาณออกมาแล้วก็ยัง งง งง จนกลับมาถึงบ้านแล้วสมองค่อยเรียบเรียง..อ้อ..เราได้ดูตั้งแต่..ขอเชิญชม ณ บัดนี้..จะว่าไป..ข้ามสายพันธ์ขนาดนี้..ออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตก็เก่งแล้ว..จินตนาการคนแต่งนี่อย่างเยี่ยม..สิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต..รวมกับออกมาเป็น..ลิง...ที่เก่งกล้าสามารถมากๆๆๆ..แล้วยังทำอะไรๆ..พิเศษได้อีกหลายอย่าง

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

หุ่นยอดฮิต


ไปเที่ยวที่ไหนๆ..มีโชว์ให้ดู..ทุกที่ไป..ไปวันแรก..ได้ดูโชว์สารพัด..ในโรงแรมกันดอว์จี พาเลซ..แต่ที่ติดใจกลับเป็นการเชิดหุ่นสาย..ทั้งๆที่มาโชว์แต่ตัวเดียว..เขาเชิดได้เร้าใจ..โรงแรมนี่เป็นพระราชวังเก่า..ตอนเห็นครั้งแรก..นึกว่าสร้างขึ้นมาเพื่อการท่องเที่ยว..เสาแต่ละต้น..ใหญ่มากๆๆๆๆ..พอๆกับเสาพระราชวังของบุเรงนองเลย..เพียงแต่ตอนนี้เขาปรับปรุงภูมิทัศน์พอลงรถก้อถึงทางเดินที่มีหลังคา..เลยนึกว่าสร้างใหม่..เข้าไปข้างใน..เออ..ใหญ่จัง..อลังการดี...ถ้ามีสนามหรือที่โล่งๆก่อนเข้าโรงแรมจะอลังการชนิดตะลึง...อ้อ..ที่ยังชอบอีกอย่างคือ..แม่ครัวที่นี่เป็นคนไทยมาจากปราจีนบุรี..เขารู้ว่ามีทัวร์ไทย..รีบออกมาทักทายกันเลย..

พระนันอู


พระองค์นี้ไกด์แปลให้ฟังว่า..พระนันอู คือพระไม่ไปไหน..แน่ละซีพระพุทธรูปนี่นา..จะเดินไปไหนล่ะ..พอโดนแซว..รีบบอกต่ออย่างรวดเร็ว..หมายถึงว่าทหารอังกฤษเขาจะเอาไปด้วย..แต่เกิดสารพัดเหตุการณ์ที่...ในที่สุด..ก้ออยู่ที่นี่แหละ..ขวัญชาวพม่าก้อกลับมา..จึงเป็นพระศักดิ์สิทธิ์..อีกองค์หนึ่ง..ที่ขนาดเราเป็นชาวต่างชาติ..เขายังภูมิใจนำเสนอ..แต่สวยนะ..สีดำกับสีทองดูเด่น..อยู่ใกล้ๆกับเทพทันใจ..

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

เทพทันใจ


เทพของพม่าที่ดังข้ามมาถึงเมืองไทย..พม่าเรียกอะไรไม่รู้..แต่คนไทยตั้งกันเองว่าเทพทันใจ..เห็นเขาว่า..ขออะไร..ก้อได้ดั่งใจ..และได้ในเร็ววันตามที่ต้องการ..ที่ไทยก้อมีนะ..เช่นจังหวัดตาก..ที่คนนิยมไป..ขอ..หรือบนบาน..เวลาขอให้เอาเงินเป็นแบงค์อะไรก้อได้ 2 ใบ ทำเป็นกรวยใส่ที่มือท่าน..แล้วขอพร..ตอนขอให้เอาศีรษะ..หัวเราน่ะแหละไปจิ้มที่นิ้วชี้ของท่านที่ชี้มา..ถ้าเราไม่ถึงอนุญาตให้เอามือเราต่อจากหัวเราไปที่นิ้วท่านได้..ขอพรเสร็จ..เอาแบงค์คืนมา 1 ใบ..เก็บไว้เป็นขวัญถุง...คนเข้าคิวกันยาวๆๆๆๆๆ...แต่คนรอดู..ก้อดูกันมากมาย
สงสัยจะได้จริงๆ..คนที่ไม่ได้..เขาก้อไม่ประกาศนี่นา..ตอนี้เห็นที่ฉะเชิงเทรากำลังจะสร้างรูปปั้นเทพองค์นี้แหละ..แถวๆคลองเจ้านะ..

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

พระราชวังบุเรงนอง


พระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง หรือที่เรารู้จักในนามผู้ชนะสิบทิศ อยู่ในหงสาวดี มีพระธาตุมุเตาอยู่ใกล้ๆชนิดที่เรียกว่าในเขตพระราชวัง มีการขุดค้นขึ้นมาซากปรักหักพังทั้งหลายบอกได้ว่า หงสาวดีเป็นเขตพระราชฐานไปถึงครึ่งเมือง ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ยังถึงกาลอวสาน..ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน..ที่มองเห็นเป็นพระราชวัง..ท้องพระโรง..ที่ประทับ..พระตำหนักพระพี่นางสุพรรณกัลยา..ล้วนบูรณะขึ้นมาใหม่..แต่เห็นเสาที่ฝังในดินของที่ประทับแล้ว..ขนาดตอที่เหลือในดินยังใหญ่เบิ้ม..ตัววังจะขนาดไหน..เสาใหญ่ขนาดนี้ยังอยู่ค้ำฟ้าไม่ได้เลย....เจอฝ่ายราชธานียะไข่..มาเผา..ไม่เหลือซากบนดิน..เหลือแต่ตอที่ฝังดิน..ถูกขุดขึ้นมาวางเรียงรายให้ดู..อนิจจังหนอ..ใหญ่เท่าใหญ่..ก้อมีวัน...

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

พระเจดีย์สิเรียม


ชื่อว่าเจดีย์เยเลพญา..ออกเสียงไม่เหมือนเลย..เพราะเสียงขึ้นนาสิกมากๆ..ตอนแรกนึกว่าจะเห็นเจดีย์โดดเด่นแบบที่ปากเกร็ด..อ้าว..วัดบนเกาะนี่นา..ถึงว่าไม่ต้องจินตนาการก่อนหรอก..เห็นอะไร..ก้ออย่างนั้นแหละ..ตอนหลังๆที่ไปเที่ยวจะไม่ค่อยดูๆๆไว้ก่อน..เดี๋ยว..งง...
เป็นวัดกลางน้ำที่สวยงามตามแบบพม่า..คือแน่นไปหมด..ทุกอย่างแน่นบนเกาะเล็กๆนี้..หอระฆัง..ไม่ใช่สิ..กังสดาล..วิหารพระหลายๆๆองค์
ที่ชอบที่สุดคือ..พระทันใจ..สวยงามมากที่มีแอคเซสซะรี่มากมาย..สร้อยถนิมพิมพาภรณ์..ที่ตัวองค์พระมากมาย..แต่สวยนะ..เสียดายรูปที่ถ่ายไม่ชัดเพราะพระอยู่ในตู้กระจก..มุมถ่ายภาพก้อหายาก..วัดนี้ตั้งอยู่ในเขตที่เรียกว่าสิเรียม..เป็นเมืองท่าของโปรตุเกสมาก่อนโน้น..เป็นช่วงประสบกันของแม่น้ำย่างกุ้งและแม่น้ำอิรวดี..ที่นี่นักท่องเที่ยวเยอะ..ที่พระธาตุอินทร์แขวน..คนพม่าเยอะกว่านักท่องเที่ยว..ที่นี่มีการซื้ออาหารเลี้ยงปลาดุกตัวโตๆด้วย..ได้บุญหลายต่อ..อ้อ..มีเทพน้ำจืดและเทพน้ำเค็มด้วย..ใครออกทะเล..ก้อกราบเทพน้ำเค็ม..นี่กราบทั้งสององค์..เลยอดไปเที่ยวกระบี่..

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

นกฮูกเรียกเงินเรียกทอง


น่ารักมากๆๆ..นกน้อยสองตัวนี้..เห็นปุ๊บรีบเดินรี่เข้าไปยืนทันที..ถ่ายเร็ว..พรรคพวกเดินหายไปหมดแล้ว..ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับรูปปั้นนี้เลย
รู้แต่น่ารัก...เพื่อนในเฟซบุ๊คแจ้งให้ทราบว่านี่คือนกฮูก..นกฮูกเหรอทำไมน่ารักจังเลย..นี่คือนกฮูกเรียกเงินเรียกทอง..บ้านเราไม่เคยเห็น
หรือมีแต่..เราไม่รู้เอง..ถ้าใครเคยเห็นในเมืองไทยส่งข่าวด้วยค่ะ..จะ..ตามไปดู..อ้อ..นกนี่อยู่ที่พระธาตุมุเตา..หงสาวดี..

พระสี่ทิศ


พระสี่ทิศ..ตอนไกด์บอก..ยังนึกไม่ออก..แบบไหน..พอไปถึงวัดไจ๊ปุ่น..พม่าอีกน่ะแหละ..อยู่ระหว่างเมืองย่างกุ้งกะเมืองหงสาวดี..ได้ถอดรองเท้าเข้าวัดพม่าเป็นวัดแรกเลย..ได้รับคำเตือน..น้ำหมากๆๆๆๆ...ไหนล่ะ..อ้อ..น้ำหมากที่เขาบ้วนทิ้งไว้บนพื้น..คนพม่าชอบอมหมากแบบคนไทยสมัยก่อนจอมพลป.พิบูลสงครามน่ะ..พระที่ว่าก้อมี 4 องค์ หันหลังชนกัน..ที่เมืองไทยก้อมีนะที่วัดภูมินทร์ จ.น่าน (ยังไม่เคยไปจังหวัดนี้) เขาว่าสร้างโดยสาวๆๆๆ..4 พี่น้อง..สร้างถวายและปฎิญาณตนจะเป็นสาวพรหมจรรย์..แต่เขาว่า..น้องสุดท้อง..ได้ผู้ชาย..
พระองค์ที่น้องสุดท้องสร้างเลยพังลงมา..ต่อมามีการบูรณะใหม่..ที่เราเห็นเป็นของใหม่ทั้ง 4 องค์..เก่าๆพังหมดแล้ว..สี่องค์ที่ว่านี้คือ
พระพุทธเจ้าในกัปป์นี้ที่ตรัสรู้มาแล้ว 4 องค์..ส่วนพระศรีอารยเมตไตร..ยังเป็นอนาคต..คนสร้างเขาทำให้ต่างกันนิดเห็นชัดที่ดวงตา..นอกนั้นก้อคล้ายๆกัน..เห็นอย่างนี้..ตั้งใจไปกราบที่น่านด้วย..ก้อประเทศไทยไปเมื่อไร..มีความสุขเมื่อนั้น

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

รอบๆชเวดากอง


นี่..แค่จุดเดียวที่รายรอบมหาเจดีย์..ที่อยู่ห่างออกมาประมาณยี่สิบเมตร..แบบคนที่ไม่ถนัดการกะระยะทาง...ยังมีสิ่งก่อสร้างที่แนบหรืออยู่บริเวณเดียวกับพระเจดีย์อีก..คนดูจะไม่ทึ่งได้อย่างไร..สิ่งก่อสร้างเพื่อเป็นพุทธบูชาเหล่านี้สร้างได้สวยงามมาก..เดินดู..จนเมื่อยยังไม่ครบเลย..เพราะพวกเรามาที่นี่จนจะค่ำแล้ว..เพราะไกด์ต้องการโชว์แสงเพชร..และหวังดีกลัวลูกทัวร์ร้อนเพราะต้องถอดรองเท้าเดินในวัด
ได้อย่างเสียอย่างจริงๆ..คราวต่อไป..ต้องขออยู่ที่ชเวดากองทั้งวันเลยดูให้ทั่วๆเลย..แต่แค่ได้ไปกราบพระมหาเจดีย์ก้อปลื้ม..ปิติ..จนน้ำตาซึมแล้วละ..อยากไปอีกครั้งจริงๆ

ชเวดากอง


มหาเจดีย์ชเวดากอง..อลังการงานสร้างจริงๆ ถ่ายภาพลำบาก เพราะ..สุดสายตาพานอรามา..ถ่ายได้เป็นจุดๆ..เห็นแล้วทึ่งมาก..จะเป็นชนชาติใดก้อแล้วแต่..สมัยก่อนนี้เขาตอกเสาเข็มไหม ? ต้องรองรากฐานอย่างไร..พวกนักท่องเที่ยว..ขึ้นลิฟต์..เพื่อไปสักการะพระมหาเจดีย์แต่ชาวพม่าเดินตามทาง..ที่เราเรียกสมัยนี้ว่า คอบเวอร์เวย์..ก้อทางเดินที่มีหลังคามุงไปตลอดทางน่ะแหละ..พอไปถึง..โอ้โฮ ???...ใหญ่จัง
สีทองอร่ามงามตา..แล้วยังมีสิ่งก่อสร้างทั้งวิหารเจดีย์..สัตว์ต่างๆ..ที่เคารพสัการะบูชาตามความเชื่อของพม่าอีกมากมาย..ก่อสร้างเต็มเบียดๆกันเลย..แต่ก้อยังมีที่ว่างที่จัดไว้ให้เป็นจุดอธิษฐาน..ว่ากันว่า..จุดอธิษฐานนี้เป็นจุดที่บุเรงนองมาอธิษฐานก่อนออกรบ..เราก้ออยากชนะนี่ก้อต้องไปที่จุดนั้น..ไปกราบพระมหาเจดีย์..นั่งนับลูกประคำที่เขามีแขวนๆๆไว้ให้หยิบมาใช้ได้..นั่งสวดมนต์..ก้อไปที่ไหน..ก้อได้ทำบุญอย่างนี้ตลอดการทัวร์..อ๊ะๆ..ไกด์บอกจะให้ดูแสงเพชร..เราก้อ..งง...พอค่ำเขาเปิดสปอรต์ไลต์..คราวนี้ได้เห็นแสงเพชร 75 กะรัต ที่อยู่บนยอดเจดีย์..แล้วแต่ใครอยู่มุมใดของการสะท้อนแสง..เห็นกันครบเจ็ดสีเลยมั้ง..แต่ก้อเห็นแค่สีแดงและขาว..บางคนบอกสีน้ำเงิน..ส้ม..แล้วแต่ตาใครก้อแล้วกัน..

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

ยอดพระธาตุมุเตา


ที่วัดพระธาตุมุเตา..เพื่อความเป็นศิริมงคลต่อตัวเอง..ก้อ..ทำการค้ำยอดเจดีย์เก่าที่หักลงมาแต่ยังคงรูปยอดเจดีย์ไม่แตกกระจาย..จึงเห็นเป็นอัศจรรย์..ทางวัดจึงชักชวนบูชาโดยการค้ำยอดเจดีย์ด้วยธูป..แล้วเวลาอธิษฐาน..ต้องเอาหน้าผากของเราไปแตะกับยอดเจดีย์ด้วยนะ..แบบนี้จิตนิ่ง..แน่นอน..แต่การค้ำน่ะ..วางธูปยาก..แต่ที่คนเขาค้ำมาก่อนหน้าเราสักหนึ่งวัน..ไม่เห็น..มี..มีแต่ที่พวกเราค้ำกัน..สงสัยคงเก็บไปหมดแล้วเหมือนธูปที่วัดหลวงพ่อโสธร....

พระธาตุมุเตา


พระธาตุมุเตาเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในกรุงหงสาวดี..ตั้งตระหง่านอยู่ตรงไหนก้อเห็น..ที่หงสาวดีนะ..สีทองอร่ามงามตามาก..ว่ากันว่าที่พม่านี่
มีการบูรณะปิดทององค์เจดีย์กันทุก..ห้าปี..เงินคนไทยทั้งนั้นแหละ..ทัวร์จากประเทศไทยไปพม่า..ไปไหว้พระกันทั้งนั้น..บ้านพี่เมืองน้อง.ช่วยๆกันไป..แล้วสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนี่..ส่วนมากบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า..จน..เอ..พระเกศาอีกแล้ว...ที่นี่นอกจากจุดธูปเทียนบูชา ปิดทอง..แล้ว..ยังมีการให้เอาธูป 1 ดอก (ไม่ต้องจุดไฟ) ไปค้ำยอดพระธาตุที่หักลงมาตอนที่แผ่นดินไหว..แต่ตัวยอดยังเป็นรูปทรงกรวยเหมือนเดิม..นัยว่าเพื่อความเป็นศิริมงคลกับตัวเรา..ค้ำสิ..แค่เอาธูปไปวางไว้..ใครจะไม่ทำ..ทำแล้วสบายใจ..ทำไปเถอะ

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

พระหินอ่อน


ดูพระนะคะ..คนใช้เป็นสิ่งประดับภาพ..ให้เห็นว่า..พระองค์ใหญ่จริงๆ..ใหญ่ที่สุดของพม่าค่ะ..แกะสลักจากหินอ่อน..อยู่ที่เมืองย่างกุ้งอีกเช่นกัน..ก้อที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงมาพักหนึ่ง..ตอนนี้เมืองหลวงย้ายไปสร้างใหม่..ที่เนปิดอว์..ลืมถามว่า..ดอว์นี่หมายถึงอะไร..ขนาดคุณนายของนายพล..ยังมีคำว่า..ดอว์..ต่อท้าย..คุณนายคนไทย..ไม่อยากเป็นเลย..ก้อเราคนไทย..แต่พม่าเขาว่าดี..เข้าวัดพม่าต้องเดินเท้าเปล่า..และต้องคอยหลบน้ำหมากที่เขาบ้วนทิ้งไว้..แต่ศรัทธาของเขา..การทำบุญของเขาดีจริงๆ..คนไทยทิ้งไปเมื่อไรก้อไม่รู้

พระนอนตาหวาน


คราวที่แล้วพระยิ้มหวาน..คราวนี้พระตาหวาน..พระพุทธรูปนะ..ตาหวานดีจริงๆ..ขนตางี้งอนเด้งเลยนะ..ไกด์บอกว่าทำตาตั้งสามหนแน่ะถึงจะถูกใจ..ทำสองครั้งแรกจีนมาทำให้..ไม่โอเค..ไม่สำเร็จ..ต้องทำพิธีบวงสรวงด้วยนะ..คราวนี้พม่าจัดการเอง..ได้พระนอนที่มีดวงตาที่สวยที่สุด..สวยจริงนะ..แบบบิ้กอาย..ด้วยนะ..รึว่า..คอนแทคเลนส์..ก้อตาสีฟ้าแจ่ม..พม่าเรียก..เจาทัตยี..ออกเสียงไม่ถูก..เป็นว่าพระตาหวานแล้วกัน..อยู่เมืองย่างกุ้ง..เขาแปลว่า..ศัตรูไม่มี..หรือไม่มีศัตรูแล้ว..เพราะได้เอกราชแล้ว..ถ้าเป็นไทย..ก้อ..อร่อยสิ..

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

พระนอนยิ้มหวาน


พระนอนที่เขาว่ายิ้มหวาน..ช่างคิดกัน..ก้อพระนอนทับกล่องสมบัติ..ตั้งมากมาย..แต่กล่องนั่น..สวยจริงๆๆๆๆ..อยู่หงสาวดี..เมืองเราไม่เห็นมีแบบนี้..ไกด์บอก..ถ้าเป็นทัวร์ไทย..ดูวัด..นอน..5..ดาว..กินดี..ถึงว่า..ไปเที่ยวมาทีไร..เข็มขัดใช้ไม่ได้..แล้วก้อเข้าทางคนไทยอีก..ที่ซุ้มทางเดินเข้าวิหารพระนอน..เป็นสถานที่ขายของที่ระลึก..ตอนแรกไกด์บอก..ใครจะซื้อของที่นี่ต้องถอดรองเท้านะครับ..ทำเอาจะไม่ลงรถ..ที่ไหนได้..ไหว้พระแป๊บเดียว..เดินเลือกของตั้งนาน..ปรากฏว่า..ของที่นี่ถูกกว่าตลาดอองซานเซ หรือตลาดสก็อตอีก..ไม่ว่าที่ไหนก้อซื้อกันเพลินแหละ..ไม่ว่าจะเป็นเงินไทยหรือเงินจ๊าด..ร้านไหนไม่รับเงินไทย..เป็นหาตัวไกด์พม่าจ้าละหวั่น..ได้คนละหลายอย่างเชียวเป็นที่ชื่นใจ..ไปถึงไหนคนไทยต้องไปช่วยเศษฐกิจเขาทุกที..อย่างนี้แสดงว่า..การประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวไทยได้ผลดี..มาก

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

พระธาตุอินทร์แขวน


ประทับใจมากๆๆๆ..เมื่อมาถึงพระธาตุอินทร์แขวนที่ประเทศพม่า..มองเห็นตั้งแต่อยู่ระยะไกล..ระยะกลาง..ระยะใกล้..จนใกล้ที่สุดที่เขาอนุญาตให้ผู้หญิงเข้าใกล้ได้..เป็นหญิงไม่มีสิทธิแตะก้อนหินที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุได้เลย..นั่งสมาธิอยู่หลายจุด..จุดที่ทำให้เกิดปิติมากที่สุดเป็นจุดที่ใครๆก้อมาจุดเทียนธูปบูชา(ผู้หญิง)..สมาธิดิ่งดีจริงๆ..ประทับใจอีกอย่างคือที่พม่านี่..มีสายลูกประคำแขวนไว้..ให้ใครก็ได้ที่อยากจะสวดมนต์แบบนับลูกประคำ..ได้มีโอกาส..คนเดินไปมาพลุกพล่าน..ถ้าเราใจจรดจ่อกับการนับลูกประคำ..โลกตอนนั้นมีแต่ตัวเราที่นับลูกประคำอยู่..ไม่มีความรำคาญหรือรู้สึกรำคาญใครๆเลย..ใจนิ่งกับคำภาวนาและลูกประคำเท่านั้น..อ้อ..เขาทำเพื่ออย่างนี้นี่เอง..คำตอบมาเลยนะ..ท่องเฉยๆก็ได้??..ไม่ต้องให้ใครอธิบายแล้วละ..แต่การขึ้นไปถึงพระธาตุนี่..ทางแม่ฮ่องสอนว่าเป็นริบบิ้นแล้วนะ..ที่นี่เป็นแบบริบบิ้นผูกโบว์..เลยนะ..ทางชันแค่ 45 องศาเองนะ..ดีใจที่ได้มากราบหนึ่งในห้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า..คนพม่าไปกราบกันมากๆๆๆทุกวันเลยนะ..ขนาดขึ้นไปปูเสื่อนอนในบริเวณรอบๆพระธาตุ..แล้วเดินลง..มาขึ้นรถขนหมู..ที่แน่นๆๆๆ..ไม่ต้องขยับ..คนไทย..นั่งเสลี่ยงค่ะ

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วัฒนธรรมทอง


เมื่อ เสาร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ มีโอกาสได้ไปชมการแสดงแสงสีเสียงที่สนามหญ้าศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง ไปกับคณะของสถานีวิทยุกระจายเสียง เอ็ม เอส เอส เรดิโอ ฉะเชิงเทรา มีความประทับใจมากในการแสดงนั้น คอหอยตีบไปหมด ไม่สามารถร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีได้เลย สงสัยคนอื่นๆ ก็เช่นกัน การแสดงไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ที่แน่ๆในหลวงไทยแต่ละพระองค์ ล้วน...ต้องมีความอดทน อดกลั้นสูงมาก ขอใช้คำธรรมดา ในการรักษาแผ่นดินทองนี้ไว้ให้เรา ได้เดิน ได้อยู่ อย่างมีความสุข การแสดงเริ่มจากรัชกาลที่ ๑ มาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน แบบที่เราเรียนน่ะแหละ แต่นี่เป็นภาพ เป็นเสียง เป็นสี ที่เราจะ..อิน..มากๆๆๆ..จนเกลียดบางประเทศที่มารุกรานเรา บีบบังคับเราแบบอันธพาล..จะให้เราเป็นเมืองขึ้น เมื่อไม่ยอมต้องเสียเงิน เสียที่..ทำให้รัชกาลที่ ๕ ต้องไปถึงรัสเซีย..และหลายๆประเทศ..เป็นการตรากตรำมากๆๆ..นี่ขนาดดูรอบเดียว..ยังอึ้ง..ใครมีโอกาสไปดูเลยค่ะ สิ้นสุดการแสดงแสงสีเสียงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ นี้ ความจริงเห็นแล้วในหนังสือต่างๆที่นำมาลงให้ชม..แต่..ไปดู..ที่แสดงจริงๆ..ดีกว่า..เมื่อไม่อนุญาตให้ถ่ายการแสดง เลยถ่ายสถานที่ก่อนจะทำการแสดง..มาให้ชม

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

แสบ..ตา


หลายๆ..คนคงเคยเป็น..นั่งเล่นคอมพ์..นานไปหน่อย...แสบตา..อย่างนี้แก้ง่ายมาก..หลับตา..และใช้อุ้งมือครอบตาสักพัก..จะหายเอง..แต่บางคน..ปวดกระบอกตาเลยละ..บางคน..น้ำตาไหล..อย่างนี้..เล่นมากไปละหละ..แก้ไงดี..ก่อนอื่นปิดคอมพ์.ก่อน..เล่นเมื่อไรก้อได้..แล้วทำสปา..ตา..โดย..
๑. หลับตา..เอาอุ้งมือครอบตาสักพัก
๒. ใช้นิ้วใดก้อได้..กดใต้หัวคิ้วตรงหัวตา
๓. กดตรงโหนกแก้มข้างปลายจมูก
๔. นวดรอยบุ๋มของกระดูกท้ายทอยด้านในเส้นเอ็นทั้งสองข้าง
ที่ว่ามา..ทำวันละนาทีเดียว..ก้อพอ...สายตาจะได้แจ่ม..และสดใสอยู่กับตัวเราได้นานๆๆๆๆ..จะได้เล่นเกมส์นานๆๆๆจ้ะ

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

ปีกระต่าย 2554


กระต่าย..บ๊องแบ๊ว..ตัวนี้..นักเรียนห้อง ๔/๒ แห่งเบญจมฯ ๓ มอบให้แทนใจ..เมื่อวันลาจาก..ทันสมัยมากๆๆๆ..ก้อ..ปีนี้ปีกระต่าย..จึงมีตุ๊กตากระต่าย..แบบมาเอง..ไม่ต้องตามหา..แสดงว่าปีนี้จะโชคดีทั้งผู้รับและผู้ให้..สวัสดีปีใหม่ค่ะ..ทุกๆๆๆคน..ขอให้ชาวเบญจมฯ ๓..มีความสุขคิดสิ่งใดสมหวังทุกท่าน..เราคนไทยโชคดี..ที่มีปีใหม่ที่ยาว....นาน...เริ่มจาก X-mas...แล้วมาปีใหม่สากล ...ปีใหม่จีน(ตรุษจีน)..เว้นวรรคไป...ปีใหม่ไทย(สงกรานต์)..นั่นละจบปีใหม่..ขอบใจผู้ที่ร่วมแรงร่วมใจกันนำกระต่ายน้อยมาให้..ได้ข่าวว่า..ผลิตทั้งคืนเลย..ขอบใจจ้ะ