วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

วัดโสธรวราราม


วัดโสธรวรารามวรวิหาร..ช่วงกลางคืน..เมื่อวันที่มีการแสดงโขน..ถ่ายจากเวทีแสดงโขน..ดูดี..แปลกกว่าตอนกลางวันที่มีคนพลุกพล่าน..ตลอดเวลา..เหมือนกันมีงานประจำปี..กลางคืนสงบ..เย็นใจ

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

หนุมาน


เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2554 ได้ดูโขน..ฟรี..ที่ริมน้ำ..หน้าโบสถ์วัดหลวงพ่อโสธร..สองชั่วโมงนั่งดูแบบไม่ลุกไปไหนเลย..ดูแบบปรบมือด้วย..หัวเราะด้วย..ทึ่งด้วย..อะไรคนแสดงแต่ละคนจะอดทนได้ปานนั้น..สุขภาพแข็งแรงปานนั้น..คนพากย์ก็เช่นกัน..คนตีพิณพาทย์ลาดตะโพนนั่นด้วย..ทุกอย่างประกอบกันแล้วอลังการมากๆๆๆๆ...แสดงเรื่องหนุมาณชาญสมร..ตัวเด่นก็ต้องเป็นหนุมาณ..ต้องใช้คนแสดงเป็นหนุมาณตั้ง..สาม..คน..ภาพนี้เป็นหนุมาณที่เพิ่งเกิด..แม่สวาหะ..ยืนอยู่ใต้ต้นไม้บนก้อนหิน..ส่วนพ่อ..พระพาย..ฉวัดเฉวียนอยู่..แล้วไปอยู่ที่ก้อนหินอีกก้อน..ด้วยความที่มาไม่ทันว่าแสดงเรื่องอะไร..รู้แต่โขน..เลยลืมดูว่านางสวาหะยืนตีนเดียวหรือเปล่า...ขนาดหนุมาณออกมาแล้วก็ยัง งง งง จนกลับมาถึงบ้านแล้วสมองค่อยเรียบเรียง..อ้อ..เราได้ดูตั้งแต่..ขอเชิญชม ณ บัดนี้..จะว่าไป..ข้ามสายพันธ์ขนาดนี้..ออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตก็เก่งแล้ว..จินตนาการคนแต่งนี่อย่างเยี่ยม..สิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต..รวมกับออกมาเป็น..ลิง...ที่เก่งกล้าสามารถมากๆๆๆ..แล้วยังทำอะไรๆ..พิเศษได้อีกหลายอย่าง

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

หุ่นยอดฮิต


ไปเที่ยวที่ไหนๆ..มีโชว์ให้ดู..ทุกที่ไป..ไปวันแรก..ได้ดูโชว์สารพัด..ในโรงแรมกันดอว์จี พาเลซ..แต่ที่ติดใจกลับเป็นการเชิดหุ่นสาย..ทั้งๆที่มาโชว์แต่ตัวเดียว..เขาเชิดได้เร้าใจ..โรงแรมนี่เป็นพระราชวังเก่า..ตอนเห็นครั้งแรก..นึกว่าสร้างขึ้นมาเพื่อการท่องเที่ยว..เสาแต่ละต้น..ใหญ่มากๆๆๆๆ..พอๆกับเสาพระราชวังของบุเรงนองเลย..เพียงแต่ตอนนี้เขาปรับปรุงภูมิทัศน์พอลงรถก้อถึงทางเดินที่มีหลังคา..เลยนึกว่าสร้างใหม่..เข้าไปข้างใน..เออ..ใหญ่จัง..อลังการดี...ถ้ามีสนามหรือที่โล่งๆก่อนเข้าโรงแรมจะอลังการชนิดตะลึง...อ้อ..ที่ยังชอบอีกอย่างคือ..แม่ครัวที่นี่เป็นคนไทยมาจากปราจีนบุรี..เขารู้ว่ามีทัวร์ไทย..รีบออกมาทักทายกันเลย..

พระนันอู


พระองค์นี้ไกด์แปลให้ฟังว่า..พระนันอู คือพระไม่ไปไหน..แน่ละซีพระพุทธรูปนี่นา..จะเดินไปไหนล่ะ..พอโดนแซว..รีบบอกต่ออย่างรวดเร็ว..หมายถึงว่าทหารอังกฤษเขาจะเอาไปด้วย..แต่เกิดสารพัดเหตุการณ์ที่...ในที่สุด..ก้ออยู่ที่นี่แหละ..ขวัญชาวพม่าก้อกลับมา..จึงเป็นพระศักดิ์สิทธิ์..อีกองค์หนึ่ง..ที่ขนาดเราเป็นชาวต่างชาติ..เขายังภูมิใจนำเสนอ..แต่สวยนะ..สีดำกับสีทองดูเด่น..อยู่ใกล้ๆกับเทพทันใจ..

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

เทพทันใจ


เทพของพม่าที่ดังข้ามมาถึงเมืองไทย..พม่าเรียกอะไรไม่รู้..แต่คนไทยตั้งกันเองว่าเทพทันใจ..เห็นเขาว่า..ขออะไร..ก้อได้ดั่งใจ..และได้ในเร็ววันตามที่ต้องการ..ที่ไทยก้อมีนะ..เช่นจังหวัดตาก..ที่คนนิยมไป..ขอ..หรือบนบาน..เวลาขอให้เอาเงินเป็นแบงค์อะไรก้อได้ 2 ใบ ทำเป็นกรวยใส่ที่มือท่าน..แล้วขอพร..ตอนขอให้เอาศีรษะ..หัวเราน่ะแหละไปจิ้มที่นิ้วชี้ของท่านที่ชี้มา..ถ้าเราไม่ถึงอนุญาตให้เอามือเราต่อจากหัวเราไปที่นิ้วท่านได้..ขอพรเสร็จ..เอาแบงค์คืนมา 1 ใบ..เก็บไว้เป็นขวัญถุง...คนเข้าคิวกันยาวๆๆๆๆๆ...แต่คนรอดู..ก้อดูกันมากมาย
สงสัยจะได้จริงๆ..คนที่ไม่ได้..เขาก้อไม่ประกาศนี่นา..ตอนี้เห็นที่ฉะเชิงเทรากำลังจะสร้างรูปปั้นเทพองค์นี้แหละ..แถวๆคลองเจ้านะ..

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

พระราชวังบุเรงนอง


พระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง หรือที่เรารู้จักในนามผู้ชนะสิบทิศ อยู่ในหงสาวดี มีพระธาตุมุเตาอยู่ใกล้ๆชนิดที่เรียกว่าในเขตพระราชวัง มีการขุดค้นขึ้นมาซากปรักหักพังทั้งหลายบอกได้ว่า หงสาวดีเป็นเขตพระราชฐานไปถึงครึ่งเมือง ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ยังถึงกาลอวสาน..ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน..ที่มองเห็นเป็นพระราชวัง..ท้องพระโรง..ที่ประทับ..พระตำหนักพระพี่นางสุพรรณกัลยา..ล้วนบูรณะขึ้นมาใหม่..แต่เห็นเสาที่ฝังในดินของที่ประทับแล้ว..ขนาดตอที่เหลือในดินยังใหญ่เบิ้ม..ตัววังจะขนาดไหน..เสาใหญ่ขนาดนี้ยังอยู่ค้ำฟ้าไม่ได้เลย....เจอฝ่ายราชธานียะไข่..มาเผา..ไม่เหลือซากบนดิน..เหลือแต่ตอที่ฝังดิน..ถูกขุดขึ้นมาวางเรียงรายให้ดู..อนิจจังหนอ..ใหญ่เท่าใหญ่..ก้อมีวัน...

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

พระเจดีย์สิเรียม


ชื่อว่าเจดีย์เยเลพญา..ออกเสียงไม่เหมือนเลย..เพราะเสียงขึ้นนาสิกมากๆ..ตอนแรกนึกว่าจะเห็นเจดีย์โดดเด่นแบบที่ปากเกร็ด..อ้าว..วัดบนเกาะนี่นา..ถึงว่าไม่ต้องจินตนาการก่อนหรอก..เห็นอะไร..ก้ออย่างนั้นแหละ..ตอนหลังๆที่ไปเที่ยวจะไม่ค่อยดูๆๆไว้ก่อน..เดี๋ยว..งง...
เป็นวัดกลางน้ำที่สวยงามตามแบบพม่า..คือแน่นไปหมด..ทุกอย่างแน่นบนเกาะเล็กๆนี้..หอระฆัง..ไม่ใช่สิ..กังสดาล..วิหารพระหลายๆๆองค์
ที่ชอบที่สุดคือ..พระทันใจ..สวยงามมากที่มีแอคเซสซะรี่มากมาย..สร้อยถนิมพิมพาภรณ์..ที่ตัวองค์พระมากมาย..แต่สวยนะ..เสียดายรูปที่ถ่ายไม่ชัดเพราะพระอยู่ในตู้กระจก..มุมถ่ายภาพก้อหายาก..วัดนี้ตั้งอยู่ในเขตที่เรียกว่าสิเรียม..เป็นเมืองท่าของโปรตุเกสมาก่อนโน้น..เป็นช่วงประสบกันของแม่น้ำย่างกุ้งและแม่น้ำอิรวดี..ที่นี่นักท่องเที่ยวเยอะ..ที่พระธาตุอินทร์แขวน..คนพม่าเยอะกว่านักท่องเที่ยว..ที่นี่มีการซื้ออาหารเลี้ยงปลาดุกตัวโตๆด้วย..ได้บุญหลายต่อ..อ้อ..มีเทพน้ำจืดและเทพน้ำเค็มด้วย..ใครออกทะเล..ก้อกราบเทพน้ำเค็ม..นี่กราบทั้งสององค์..เลยอดไปเที่ยวกระบี่..

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

นกฮูกเรียกเงินเรียกทอง


น่ารักมากๆๆ..นกน้อยสองตัวนี้..เห็นปุ๊บรีบเดินรี่เข้าไปยืนทันที..ถ่ายเร็ว..พรรคพวกเดินหายไปหมดแล้ว..ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับรูปปั้นนี้เลย
รู้แต่น่ารัก...เพื่อนในเฟซบุ๊คแจ้งให้ทราบว่านี่คือนกฮูก..นกฮูกเหรอทำไมน่ารักจังเลย..นี่คือนกฮูกเรียกเงินเรียกทอง..บ้านเราไม่เคยเห็น
หรือมีแต่..เราไม่รู้เอง..ถ้าใครเคยเห็นในเมืองไทยส่งข่าวด้วยค่ะ..จะ..ตามไปดู..อ้อ..นกนี่อยู่ที่พระธาตุมุเตา..หงสาวดี..

พระสี่ทิศ


พระสี่ทิศ..ตอนไกด์บอก..ยังนึกไม่ออก..แบบไหน..พอไปถึงวัดไจ๊ปุ่น..พม่าอีกน่ะแหละ..อยู่ระหว่างเมืองย่างกุ้งกะเมืองหงสาวดี..ได้ถอดรองเท้าเข้าวัดพม่าเป็นวัดแรกเลย..ได้รับคำเตือน..น้ำหมากๆๆๆๆ...ไหนล่ะ..อ้อ..น้ำหมากที่เขาบ้วนทิ้งไว้บนพื้น..คนพม่าชอบอมหมากแบบคนไทยสมัยก่อนจอมพลป.พิบูลสงครามน่ะ..พระที่ว่าก้อมี 4 องค์ หันหลังชนกัน..ที่เมืองไทยก้อมีนะที่วัดภูมินทร์ จ.น่าน (ยังไม่เคยไปจังหวัดนี้) เขาว่าสร้างโดยสาวๆๆๆ..4 พี่น้อง..สร้างถวายและปฎิญาณตนจะเป็นสาวพรหมจรรย์..แต่เขาว่า..น้องสุดท้อง..ได้ผู้ชาย..
พระองค์ที่น้องสุดท้องสร้างเลยพังลงมา..ต่อมามีการบูรณะใหม่..ที่เราเห็นเป็นของใหม่ทั้ง 4 องค์..เก่าๆพังหมดแล้ว..สี่องค์ที่ว่านี้คือ
พระพุทธเจ้าในกัปป์นี้ที่ตรัสรู้มาแล้ว 4 องค์..ส่วนพระศรีอารยเมตไตร..ยังเป็นอนาคต..คนสร้างเขาทำให้ต่างกันนิดเห็นชัดที่ดวงตา..นอกนั้นก้อคล้ายๆกัน..เห็นอย่างนี้..ตั้งใจไปกราบที่น่านด้วย..ก้อประเทศไทยไปเมื่อไร..มีความสุขเมื่อนั้น

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

รอบๆชเวดากอง


นี่..แค่จุดเดียวที่รายรอบมหาเจดีย์..ที่อยู่ห่างออกมาประมาณยี่สิบเมตร..แบบคนที่ไม่ถนัดการกะระยะทาง...ยังมีสิ่งก่อสร้างที่แนบหรืออยู่บริเวณเดียวกับพระเจดีย์อีก..คนดูจะไม่ทึ่งได้อย่างไร..สิ่งก่อสร้างเพื่อเป็นพุทธบูชาเหล่านี้สร้างได้สวยงามมาก..เดินดู..จนเมื่อยยังไม่ครบเลย..เพราะพวกเรามาที่นี่จนจะค่ำแล้ว..เพราะไกด์ต้องการโชว์แสงเพชร..และหวังดีกลัวลูกทัวร์ร้อนเพราะต้องถอดรองเท้าเดินในวัด
ได้อย่างเสียอย่างจริงๆ..คราวต่อไป..ต้องขออยู่ที่ชเวดากองทั้งวันเลยดูให้ทั่วๆเลย..แต่แค่ได้ไปกราบพระมหาเจดีย์ก้อปลื้ม..ปิติ..จนน้ำตาซึมแล้วละ..อยากไปอีกครั้งจริงๆ

ชเวดากอง


มหาเจดีย์ชเวดากอง..อลังการงานสร้างจริงๆ ถ่ายภาพลำบาก เพราะ..สุดสายตาพานอรามา..ถ่ายได้เป็นจุดๆ..เห็นแล้วทึ่งมาก..จะเป็นชนชาติใดก้อแล้วแต่..สมัยก่อนนี้เขาตอกเสาเข็มไหม ? ต้องรองรากฐานอย่างไร..พวกนักท่องเที่ยว..ขึ้นลิฟต์..เพื่อไปสักการะพระมหาเจดีย์แต่ชาวพม่าเดินตามทาง..ที่เราเรียกสมัยนี้ว่า คอบเวอร์เวย์..ก้อทางเดินที่มีหลังคามุงไปตลอดทางน่ะแหละ..พอไปถึง..โอ้โฮ ???...ใหญ่จัง
สีทองอร่ามงามตา..แล้วยังมีสิ่งก่อสร้างทั้งวิหารเจดีย์..สัตว์ต่างๆ..ที่เคารพสัการะบูชาตามความเชื่อของพม่าอีกมากมาย..ก่อสร้างเต็มเบียดๆกันเลย..แต่ก้อยังมีที่ว่างที่จัดไว้ให้เป็นจุดอธิษฐาน..ว่ากันว่า..จุดอธิษฐานนี้เป็นจุดที่บุเรงนองมาอธิษฐานก่อนออกรบ..เราก้ออยากชนะนี่ก้อต้องไปที่จุดนั้น..ไปกราบพระมหาเจดีย์..นั่งนับลูกประคำที่เขามีแขวนๆๆไว้ให้หยิบมาใช้ได้..นั่งสวดมนต์..ก้อไปที่ไหน..ก้อได้ทำบุญอย่างนี้ตลอดการทัวร์..อ๊ะๆ..ไกด์บอกจะให้ดูแสงเพชร..เราก้อ..งง...พอค่ำเขาเปิดสปอรต์ไลต์..คราวนี้ได้เห็นแสงเพชร 75 กะรัต ที่อยู่บนยอดเจดีย์..แล้วแต่ใครอยู่มุมใดของการสะท้อนแสง..เห็นกันครบเจ็ดสีเลยมั้ง..แต่ก้อเห็นแค่สีแดงและขาว..บางคนบอกสีน้ำเงิน..ส้ม..แล้วแต่ตาใครก้อแล้วกัน..

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

ยอดพระธาตุมุเตา


ที่วัดพระธาตุมุเตา..เพื่อความเป็นศิริมงคลต่อตัวเอง..ก้อ..ทำการค้ำยอดเจดีย์เก่าที่หักลงมาแต่ยังคงรูปยอดเจดีย์ไม่แตกกระจาย..จึงเห็นเป็นอัศจรรย์..ทางวัดจึงชักชวนบูชาโดยการค้ำยอดเจดีย์ด้วยธูป..แล้วเวลาอธิษฐาน..ต้องเอาหน้าผากของเราไปแตะกับยอดเจดีย์ด้วยนะ..แบบนี้จิตนิ่ง..แน่นอน..แต่การค้ำน่ะ..วางธูปยาก..แต่ที่คนเขาค้ำมาก่อนหน้าเราสักหนึ่งวัน..ไม่เห็น..มี..มีแต่ที่พวกเราค้ำกัน..สงสัยคงเก็บไปหมดแล้วเหมือนธูปที่วัดหลวงพ่อโสธร....

พระธาตุมุเตา


พระธาตุมุเตาเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในกรุงหงสาวดี..ตั้งตระหง่านอยู่ตรงไหนก้อเห็น..ที่หงสาวดีนะ..สีทองอร่ามงามตามาก..ว่ากันว่าที่พม่านี่
มีการบูรณะปิดทององค์เจดีย์กันทุก..ห้าปี..เงินคนไทยทั้งนั้นแหละ..ทัวร์จากประเทศไทยไปพม่า..ไปไหว้พระกันทั้งนั้น..บ้านพี่เมืองน้อง.ช่วยๆกันไป..แล้วสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนี่..ส่วนมากบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า..จน..เอ..พระเกศาอีกแล้ว...ที่นี่นอกจากจุดธูปเทียนบูชา ปิดทอง..แล้ว..ยังมีการให้เอาธูป 1 ดอก (ไม่ต้องจุดไฟ) ไปค้ำยอดพระธาตุที่หักลงมาตอนที่แผ่นดินไหว..แต่ตัวยอดยังเป็นรูปทรงกรวยเหมือนเดิม..นัยว่าเพื่อความเป็นศิริมงคลกับตัวเรา..ค้ำสิ..แค่เอาธูปไปวางไว้..ใครจะไม่ทำ..ทำแล้วสบายใจ..ทำไปเถอะ